เสียงแตรของแต่ละรถ…ทำไมถึงไม่เหมือนกัน?

หากสังเกตให้ดี เสียงแตรของรถแต่ละคันไม่เหมือนกันเลย บางคันเสียงแหลมชัด บางคันเสียงทุ้มต่ำ หรือบางคันแค่ “ปี๊น” เบา ๆ ก็น่ารักน่าฟัง ต่างจากรถบรรทุกที่แตรดังสะเทือนหูจนนึกว่าอยู่ใกล้สนามแข่ง! เคยสงสัยไหมว่า…เพราะอะไร “เสียงแตร” ของแต่ละชนิดรถจึงแตกต่างกัน?


🔊 เสียงแตรคืออะไร?

“แตรรถ” หรือ Horn เป็นอุปกรณ์ที่ใช้แจ้งเตือนผู้ใช้ถนนคนอื่น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุหรือสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยการกดแตรจะทำให้ ไดอะแฟรมโลหะสั่นด้วยแรงดันไฟฟ้า เกิดเป็นคลื่นเสียงออกมา เสียงนี้อาจเป็นแบบ ไฟฟ้า (Electric horn) หรือ ลมอัด (Air horn) แล้วแต่ชนิดของรถ


🚙 รถยนต์ทั่วไป — เสียงกลางและชัด

รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เช่น รถเก๋งหรือรถกระบะ มักใช้แตรไฟฟ้าเสียงระดับกลาง ไม่แหลมหรือทุ้มเกินไป เพื่อให้ได้เสียงที่ “เตือนชัด แต่ไม่รบกวน” โดยทั่วไปจะมีความถี่อยู่ราว 400–500 เฮิรตซ์ (Hz)

เสียงลักษณะนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่รอบข้างได้ยินชัดเจนในระยะใกล้โดยไม่ทำให้ตกใจจนเกินไป


🏍️ รถจักรยานยนต์ — เสียงสั้นและแหลม

สำหรับ รถจักรยานยนต์ ขนาดเล็กถึงกลาง นิยมใช้แตรไฟฟ้าขนาดเล็ก เสียงค่อนข้างแหลม (ความถี่ประมาณ 500–600 Hz) เพื่อให้ทะลุเสียงรบกวนรอบข้างได้ดี เสียงที่ดัง “ปี๊น ปี๊น” ช่วยเตือนคนเดินถนนและรถอื่นในระยะใกล้ เหมาะกับการใช้งานในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น


🚛 รถบรรทุกและรถโดยสาร — เสียงทุ้มและดังสะเทือน

ส่วน รถบรรทุก รถโดยสาร หรือรถเทรลเลอร์ มักใช้ แตรลม (Air Horn) ซึ่งใช้แรงดันลมจากถังลมอัดส่งเสียงออกมา เสียงจะทุ้มต่ำแต่ดังมาก (ราว 300–400 Hz) เพื่อให้ได้ยินในระยะไกล เหมาะกับการขับขี่บนถนนหลวงหรือพื้นที่เปิดโล่ง

จุดประสงค์คือให้รถคันเล็กหรือคนเดินถนนรู้ตัวล่วงหน้า เพราะรถขนาดใหญ่มักหยุดหรือหลบได้ยาก


🚌 รถสาธารณะและรถโรงเรียน — แตรเบาพิเศษ

รถโดยสารบางประเภท เช่น รถโรงเรียน รถรับส่งนักเรียน หรือรถโดยสารในเมือง จะใช้แตรเสียงเบาและนุ่ม เพื่อไม่ให้รบกวนชุมชน โดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น เสียงจะอยู่ในระดับ 400–450 Hz และมักถูกควบคุมระดับความดังตามกฎหมาย


🚓 รถฉุกเฉิน — แตรและไซเรนเฉพาะทาง

รถพยาบาล รถตำรวจ รถดับเพลิง ใช้เสียงเตือนพิเศษที่เรียกว่า “ไซเรน” ซึ่งออกแบบให้มีเสียงหลายระดับความถี่สลับกัน เช่น “วี้หว้อ วี้หว้อ” เพื่อให้ผู้ใช้ถนนแยกแยะได้ทันทีว่าเป็นรถฉุกเฉิน ต้องหลีกทางโดยด่วน

เสียงเหล่านี้ถูกออกแบบตามมาตรฐานสากลเพื่อให้ผู้ฟังรู้ทันทีแม้อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร


⚙️ เหตุผลที่ต้องออกแบบให้แตกต่าง

  1. ความปลอดภัย – ต้องเหมาะกับขนาดรถและสภาพถนน
  2. ความดังที่พอดี – ดังพอเตือน แต่ไม่รบกวน
  3. อัตลักษณ์ของแบรนด์ – รถบางรุ่นออกแบบเสียงแตรเฉพาะให้เข้ากับภาพลักษณ์ เช่น แตรเสียงนุ่มของรถหรู หรือเสียงสั้นกระชับของรถสปอร์ต
  4. กฎหมายกำหนด – ในประเทศไทย แตรรถต้องมีความดังไม่เกิน 115 เดซิเบล (dB) และห้ามเปลี่ยนเสียงแตรให้ผิดประเภท

🚦 บทสรุป

“เสียงแตร” จึงไม่ใช่แค่เสียงเตือนธรรมดา แต่คือ ภาษาสื่อสารบนท้องถนน ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับชนิดของรถ หน้าที่การใช้งาน และความปลอดภัยของผู้ใช้ถนนทุกคน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขับรถเล็กหรือใหญ่ “กดแตรอย่างมีมารยาท” และใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น จะช่วยให้การจราจรปลอดภัยและน่าขับขี่มากขึ้น

สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.

บทความล่าสุด

ข่าวล่าสุด