วิธีเช็กรถมือสอง

เช็กรถมือสอง เป็นเรื่องที่หลายคนกังวล ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือผู้ที่เคยซื้อมาแล้ว เพราะหากเลือกผิด อาจได้รถย้อมแมว หรือรถที่มีปัญหามาใช้ และต้องเสียเงินซ่อมไม่จบสิ้น บทความนี้จะมาแบ่งปัน เทคนิคการเช็กรถมือสอง ที่ครอบคลุมทุกจุดสำคัญ เพื่อให้คุณได้ รถมือสองสภาพดี และคุ้มค่าที่สุด

การเตรียมตัวก่อนไปดูรถจริง ศึกษาข้อมูลให้พร้อม

ก่อนจะไปดูรถจริง สิ่งแรกที่ต้องทำคือการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด คุณควรตัดสินใจก่อนว่าจะซื้อ รถมือสอง รุ่นไหน ยี่ห้ออะไร และปีอะไร เพื่อจะได้กำหนดงบประมาณและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นได้ง่ายขึ้น

  • ราคา: เช็กราคาตลาดของรุ่นที่คุณสนใจจากหลายๆ แหล่ง เช่น เว็บไซต์ขายรถมือสอง, ตลาดรถออนไลน์ เพื่อดูว่าราคาที่ผู้ขายตั้งไว้มีความสมเหตุสมผลหรือไม่
  • จุดเด่น-จุดด้อย: ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับจุดเด่น-จุดด้อยของรุ่นนั้นๆ เช่น ปัญหาที่พบบ่อย, ค่าบำรุงรักษา เพื่อที่คุณจะสามารถสังเกตและสอบถามผู้ขายได้อย่างตรงจุด
  • ประวัติรถ: สอบถามประวัติการใช้งานและซ่อมบำรุงจากผู้ขาย หากเป็นไปได้ควรขอเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น สมุดคู่มือ, ใบเสร็จการซ่อมบำรุง

การเช็กภายนอก สังเกตด้วยสายตาอย่างถี่ถ้วน

การ ตรวจสภาพรถมือสอง ควรเริ่มต้นจากภายนอกก่อน คุณไม่จำเป็นต้องเป็นช่างมืออาชีพ เพียงแค่สังเกตอย่างละเอียดก็สามารถพบจุดผิดปกติได้

  • สีรถและรอยบุบ: เดินวนรอบรถเพื่อดูสีว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ หากมีสีที่แตกต่างกัน อาจหมายถึงรถเคยผ่านการทำสีใหม่ หรือเคยเกิดอุบัติเหตุมา ลองใช้มือลูบตามตัวถังเพื่อหารอยต่อหรือความไม่เรียบ
  • รอยต่อและช่องว่าง: สังเกตช่องว่างระหว่างประตู, ฝากระโปรงหน้า, ฝากระโปรงท้าย และซุ้มล้อว่ามีความสม่ำเสมอหรือไม่ หากไม่เท่ากันอาจเกิดจากการเปลี่ยนอะไหล่ หรือการดัดแปลง
  • ยางรถยนต์: ดูสภาพยางว่ายังเหลือดอกยางมากพอหรือไม่ และดูปีที่ผลิตของยาง (ตัวเลข 4 ตัวที่อยู่บนแก้มยาง) หากยางเก่าเกิน 2-3 ปี ควรพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนใหม่
  • กระจกและไฟส่องสว่าง: ตรวจสอบรอยแตกร้าวบนกระจกทุกบาน และเปิด-ปิดไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว, ไฟเบรก เพื่อดูว่าทำงานปกติหรือไม่

การเช็กภายใน ความสะอาดและฟังก์ชันการทำงาน

เมื่อ เช็กรถมือสอง ภายนอกเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคิวการตรวจสอบภายในรถ

  • เบาะและพรม: สภาพเบาะนั่ง, พรม, และเพดานรถ ควรมีความสะอาดและไม่มีรอยขาด หากสกปรกมาก อาจเป็นสัญญาณว่ารถไม่ได้รับการดูแลที่ดี
  • แผงหน้าปัดและระบบไฟฟ้า: ลองเปิดกุญแจรถเพื่อดูว่าไฟเตือนต่างๆ บนหน้าปัดติดขึ้นครบถ้วนหรือไม่ ลองเปิดแอร์, วิทยุ, กระจกไฟฟ้า, และระบบล็อกประตูว่าทำงานปกติทุกอย่าง
  • กลิ่นภายในรถ: หากมีกลิ่นอับชื้นผิดปกติ อาจหมายถึงรถเคยถูกน้ำท่วมมา ลองดึงพรมหรือเบาะเพื่อดูร่องรอยของคราบน้ำหรือสนิม

การเช็กห้องเครื่องและใต้ท้องรถ หัวใจสำคัญที่ห้ามพลาด

นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการ ดูรถมือสอง เพราะจะบอกถึงสุขภาพของรถได้อย่างชัดเจน

  • ห้องเครื่อง: เปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อตรวจดูความสะอาดของเครื่องยนต์ หากมีคราบน้ำมันรั่วซึม หรือมีคราบขาวๆ อาจหมายถึงมีการรั่วไหลของน้ำหล่อเย็น
  • น็อตและรอยต่อ: สังเกตน็อตที่ยึดโครงรถ เช่น น็อตที่ยึดแก้มบังโคลนหรือฝากระโปรงหน้า หากมีรอยถอดหรือรอยทำสี อาจหมายถึงรถเคยชนมา
  • ใต้ท้องรถ: หากเป็นไปได้ ควรลองส่องดูใต้ท้องรถเพื่อหารอยสนิม, รอยชน, หรือรราบน้ำมันรั่วไหล หากคุณไม่มีความชำนาญ ควรให้ช่างผู้ชำนาญช่วยตรวจสอบ

การทดลองขับ สัมผัสด้วยตัวเอง

การ ซื้อรถมือสอง ที่ดีต้องไม่พลาดการทดลองขับ เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถจริง

  • สตาร์ทเครื่องยนต์: ลองสตาร์ทรถและฟังเสียงเครื่องยนต์ว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่
  • การเข้าเกียร์: ลองเข้าเกียร์แต่ละตำแหน่ง ทั้งเกียร์เดินหน้าและเกียร์ถอยหลังว่าทำงานได้อย่างราบรื่น
  • พวงมาลัยและเบรก: ลองเลี้ยวพวงมาลัยว่ามีอาการดึงไปข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ และลองเหยียบเบรกว่าทำงานได้ดี ไม่มีเสียงดัง

การใช้บริการผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความสบายใจสูงสุด

หากคุณยังไม่มั่นใจใน วิธีเช็กรถมือสอง ด้วยตัวเอง หรือต้องการความมั่นใจสูงสุด ควรใช้บริการบริษัทรับตรวจสภาพรถมือสอง หรือช่างผู้ชำนาญที่ไว้ใจได้ เพราะพวกเขามีเครื่องมือและประสบการณ์ในการตรวจสอบที่ละเอียดกว่า

การ เช็กรถมือสอง ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณก็จะมีโอกาสได้ รถมือสอง ที่ถูกใจและคุ้มค่าที่สุด และที่สำคัญ อย่าลืมว่าการ ซื้อรถมือสอง ควรซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกัน และสามารถตรวจสอบประวัติรถได้เพื่อความสบายใจสูงสุดในการใช้งาน

สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.

บทความล่าสุด

ข่าวล่าสุด