เป็นไปได้ที่คุณอาจจะรู้สึกได้ว่ารถไม่สะอาดเท่าที่ควร ถึงนาน ๆ คุณจะเอารถไปล้างสักที แต่คุณก็ยังคงเห็นรอยขีดข่วนหรือคราบสกปรกเกาะติดอยู่ หากคุณคือคนที่ประสบปัญหาเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง เรามีทริคดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณดูแลรถให้สะอาด ทำได้ง่าย ๆ จากที่บ้าน
คุณควรทำตามวิธีที่เราแนะนำปีละ 1-2 ครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า รถของคุณเจอฝนบ่อยแค่ไหนหรือจอดไว้ที่ไหนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามคุณควรล้างรถทุก ๆ 2 สัปดาห์หรือบ่อยกว่านั้น รวมถึงการลงแว็กซ์เคลือบรถทุก ๆ 3 เดือน เพื่อปกป้องรถจากรอยต่าง ๆ ให้ดูเงางามและสะอาดอยู่เสมอ
ขั้นตอนที่ 1: ทำความสะอาดล้อรถ
สิ่งที่ต้องใช้:
- น้ำยาทำความสะอาดล้อรถยนต์ 1 ขวด
- แปรง 1 อัน
Bridgestone Tyre Clinic – Drivers Essential – Car Detailing
การทำความสะอาดล้อรถยนต์อาจดูเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ถ้าเรารู้เทคนิคและใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดที่ถูกต้อง การล้างล้อรถก็จะไม่ยากอีกต่อไป ซึ่งเราสามารถหาซื้อน้ำยาทำความสะอาดล้อรถตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ในราคาประมาณ 300 บาท และใช้แปรงที่หาได้จากในบ้านของเราเองโดยไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้
ก่อนอื่นฉีดสเปรย์ทำความสะอาดไปที่ล้อรถ และทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที จากนั้นเริ่มขัดเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออก แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากอยากให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ก็สามารถทำตามวิธีนี้ได้ซ้ำ ๆ ตามต้องการ แต่อย่าลืมใช้ถังน้ำเพื่อล้างแปรงที่ใช้ขัดล้อรถ เพื่อล้างเอาสิ่งสกปรกออก และอย่าปล่อยให้น้ำยาล้างล้อรถแห้งคาล้อรถโดยไม่ได้ล้างออก
ขั้นตอนที่ 2: ล้างและเช็ดให้แห้ง
สิ่งที่ต้องใช้:
- แชมพูล้างรถ
- ถังน้ำ 2 ใบ
- สายยาง
- ถุงมือล้างรถ 1 ข้าง / ฟองน้ำล้างรถ 1 ชิ้น
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ 1 ผืน
Bridgestone Tyre Clinic – Drivers Essential – Car Detailing
ก่อนที่เราจะเริ่มล้างรถกัน ต้องเช็กให้แน่ใจก่อนว่าเป็นแชมพูสำหรับล้างรถโดยเฉพาะ เพราะการล้างรถด้วยน้ำยาล้างจานอาจกัดกร่อนรถยนต์ของคุณได้ ซึ่งเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ควรจอดรถอยู่ในที่ร่ม และเช็กพื้นผิวของสีรถว่าไม่อุ่นหรือร้อนจนเกินไป เพราะพื้นผิวที่มีอุณหภูมิอุ่น ๆ จะเร่งการระเหยของน้ำ จนทิ้งคราบน้ำที่ไม่พึงประสงค์ไว้บนพื้นผิวรถ
เริ่มต้นจากผสมแชมพูล้างรถกับน้ำสะอาดไว้ในถังใบหนึ่งก่อน แล้วเติมน้ำเปล่าลงไปในถังอีกหนึ่งใบ จากนั้นใช้สายยางฉีดทำความสะอาดรถ นำถุงมือล้างรถหรือฟองน้ำชุบกับ แชมพูที่ผสมไว้ และเริ่มล้างรถได้เลย การถูรถเป็นเส้นตรงจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนพื้นผิว เมื่อถูส่วนหนึ่งเสร็จแล้วก็ล้างออกด้วยการฉีดน้ำจากสายยาง ทั้งนี้ ก่อนที่จะเริ่มทำความสะอาดส่วนต่อไป ให้ซักทำความสะอาดถุงมือล้างรถหรือฟองน้ำกับถังน้ำเปล่าเสียก่อน โดยใช้มือหยิบสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดตามถุงมือหรือฟองน้ำออกให้สะอาด เมื่อล้างรถเสร็จแล้วก็เช็ดให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ที่เตรียมไว้
ขั้นตอนที่ 3: ขจัดคราบต่าง ๆ
สิ่งที่ต้องใช้:
- ดินน้ำมัน 1 ก้อน
- สเปรย์แว็กซ์เคลือบสีรถ 1 กระป๋อง
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ 1 ผืน
ดินน้ำมันคือหนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญที่สุดในวงการเทคโนโลยีสำหรับการดูแลรักษารถยนต์ ซึ่งเจ้าดินน้ำมันนั้นมีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อในการขจัดคราบปนเปื้อนที่ตกค้างหลังจากล้างรถ ส่งผลให้รถของเราสะอาดและมีพื้นผิวที่เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการขัดเงาและลงแว็กซ์มากขึ้นนั่นเอง แต่ก่อนที่จะเริ่มทำความสะอาด มีกฎ 2 ข้อที่เราต้องจำไว้สำหรับการใช้ดินน้ำมัน นั่นก็คือใช้สเปรย์แว็กซ์เคลือบสีรถในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่ต้องออกแรงกดมากเกินไป
เริ่มด้วยการใช้ดินน้ำมันก้อนเล็ก ๆ และทำให้แบนคล้ายกับขนมปังแฮมเบอร์เกอร์ จากนั้นพ่นสเปรย์ลงไปในบริเวณที่ต้องการจะขัดให้ได้ 1 ใน 4 ส่วน และพ่นบนดินน้ำมันของเราด้วย ใช้ดินน้ำมันถูไปมาให้เป็นเส้นตรง และทำซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะรู้สึกว่าพื้นผิวเรียบเนียนขึ้น ซึ่งไม่ควรมีเศษหล่นหรือกีดขวางในขณะที่ใช้ดินน้ำมันถูทำความสะอาดอยู่ เมื่อพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้แล้วก็นำผ้าไมโครไฟเบอร์มาเช็ดให้แห้ง แล้วค่อยเริ่มขัดส่วนต่อไป
ขั้นตอนที่ 4: ขัดให้เงางาม
สิ่งที่ต้องใช้:
- กระดาษกาว
- น้ำยาลดรอยขีดข่วน 1 ขวด
- เครื่องขัดสีรถยนต์
- ฟองน้ำขัดสีรถ
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ 1 ผืน
Bridgestone Tyre Clinic – Drivers Essential – Car Detailing
จุดมุ่งหมายในการขัดเงารถก็คือการขจัดคราบเคลือบใสชั้นบาง ๆ ด้วยการขัดสารกัดกร่อนลงบนสีรถของคุณ ขั้นตอนนี้จะทำให้รอยขนแมวหรือคราบเลอะต่าง ๆ จางหายไป ช่วยให้พื้นผิวรถเรียบเนียนเสมอกัน หากสีรถของคุณยังอยู่ในสภาพดี คุณก็สามารถใช้สารขัดเงาในขั้นตอนเดียวเพื่อขจัดรอยขนแมวหรือรอยขีดข่วนที่เราเห็นเมื่อแสงแดดกระทบกับตัวรถ
ในขณะที่คุณกำลังขัดเงารถยนต์อยู่ คุณควรจะขัดเป็นส่วน ๆ เพราะการขัดเงารถค่อนข้างเป็นงานที่ละเอียดอ่อนพอสมควร เพื่อที่ตัวคุณเองจะไม่ทำให้สภาพสีรถแย่ไปกว่าเดิมแม้ในยามเร่งรีบ ก่อนอื่นให้ป้องกันบริเวณที่บอบบางด้วยเทปกาว จากนั้นวางเครื่องขัดสีรถยนต์บนกึ่งกลางของฟองน้ำขัดสีรถ และฉีดน้ำยาลดรอยขีดข่วนไปบนฟองน้ำ ตั้งความเร็วต่ำ และค่อย ๆ ขัดเพื่อกระจายน้ำยาตัวนี้ไปตามส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการ จากนั้นก็ค่อย ๆ ปรับเพิ่มความเร็วขึ้น (ดูระดับความเร็วที่แนะนำในคู่มือ แต่ถ้าไม่ระบุไว้ ก็ให้ใช้ระดับ 3-5 เพื่อความปลอดภัย)
สุดท้ายเราจะขัดเงาด้วยการขัดไปมาในรูปแบบตามแนวนอนแล้วต่อด้วยแนวตั้ง (Crosshatch Pattern) ขัดต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำยาที่ฉีดลงไปจะบางลงและกระจายสม่ำเสมอ จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดให้สะอาด ทำซ้ำวิธีนี้กับส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์จนทั่วทั้งคัน
ขั้นตอนที่ 5: ลงแว็กซ์และขัดออก
สิ่งที่ต้องใช้:
- ขี้ผึ้งสังเคราะห์
- ฟองน้ำลงแว็กซ์
- ผ้าไมโครไฟเบอร์ 1 ผืน
Bridgestone Tyre Clinic – Drivers Essential – Car Detailing
เมื่อคุณต้องใช้แว็กซ์ คุณสามารถใช้มันด้วยฟองน้ำลงแว็กซ์หรือเครื่องขัดเงาโดยใช้ระดับความเร็วต่ำ เริ่มจากใช้แว็กซ์ในปริมาณน้อย ๆ กับฟองน้ำ จากนั้นใช้แรงกดเบา ๆ ถูไปมาเป็นเส้นตรง ทาแว็กซ์ลงบนพื้นผิวรถ ซึ่งสามารถทำได้ 2-3 ส่วนของรถยนต์ในหนึ่งครั้ง
เสร็จแล้วคุณจะสังเกตได้ว่า คุณได้ใช้แว็กซ์เคลือบเป็นชั้นบาง ๆ บนผิวรถแล้ว จากนั้นให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดออกก่อนที่แว็กซ์จะแห้งสนิท จำไว้ว่า โดยปกติแล้วแว็กซ์หรือขี้ผึ้งสังเคราะห์จะต้องใช้เวลารอคอย 1 ชั่วโมงถึง 1 วันเต็มเพื่อประสิทธิภาพการเคลือบที่ดีที่สุด คุณสามารถตรวจดูระยะเวลาที่แน่นอนจากฉลากของผลิตภัณฑ์ที่ใช้อีกครั้ง หากไม่มีการระบุไว้ ก็ให้รอเป็นเวลา 1 วันเต็มเพื่อให้แน่ใจ เพราะถ้าเช็ดออกเร็วเกินไป ก็จะเป็นการลดประสิทธิภาพของแว็กซ์ได่
ขั้นตอนที่ 6: เคลือบยาง
สิ่งที่ต้องใช้:
- น้ำยาเคลือบยาง
- ฟองน้ำขัดยาง
Bridgestone Tire Clinic – Drivers Essential – Car Detailing
เวลามีรถคันไหนเพิ่งออกจากศูนย์จำหน่ายมา หากดูแล้วก็รู้ได้ทันที เพราะทุกอย่างจะมีออร่า ส่องประกายแวววับรวมถึง ยางรถ ด้วยเช่นกัน การเคลือบยางนั้นใช่ว่าใครจะทำก็ได้ แต่ก็สามารถทำได้ง่าย ซึ่งเป็นขั้นตอนการเก็บงานให้รถสวยงามทั้งคัน ในท้องตลาดจะมีน้ำยาเคลือบยางอยู่ 2 แบบ คือแบบเหลวและแบบเจล โดยแบบเจลจะรักษาความเงางามได้คงทนมากกว่า
สรุป
การดูแลรถยนต์ให้ดูใหม่อยู่เสมอ เริ่มจากการล้างและเคลือบสีอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สีรถเงางามไม่หมองเร็ว ควบคู่กับการทำความสะอาดภายใน ดูดฝุ่น เช็ดเบาะ และบำรุงคอนโซลให้ดูสดใหม่เสมอ รวมถึงการตรวจเช็กของเหลวต่าง ๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำยาหล่อเย็น และน้ำมันเบรก เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ ไม่เกิดการสึกหรอเกินจำเป็น
นอกจากนี้ ควรดูแลยางรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ ทั้งการเช็กลมยาง หมุนสลับยาง และตั้งศูนย์ล้อเพื่อให้รถวิ่งนุ่มและปลอดภัยมากขึ้น การหลีกเลี่ยงการจอดรถตากแดดนาน จะช่วยรักษาสีตัวรถและสภาพเบาะไม่ให้เสื่อมเร็ว ขณะเดียวกันการตรวจสอบช่วงล่าง ระบบเบรก และแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้รถพร้อมใช้งาน และลดปัญหาเสียกลางทาง
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th







