การที่รถยนต์ต้องจมหรือเผชิญกับน้ำท่วมถือเป็นฝันร้ายของเจ้าของรถทุกคน เพราะน้ำสามารถสร้างความเสียหายต่อชิ้นส่วนต่างๆ ของรถได้อย่างร้ายแรงและรอบด้าน หากรถของคุณเพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมมา นี่คือขั้นตอนสำคัญที่คุณต้องทำเพื่อประเมินความเสียหาย กู้คืนสภาพ และป้องกันปัญหาในระยะยาว
สิ่งที่ ห้าม ทำโดยเด็ดขาด!
ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการดูแลใดๆ มีสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณต้องจำไว้:
- ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์: การพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ในขณะที่ยังมีน้ำหรือความชื้นตกค้างอยู่ภายในระบบ (โดยเฉพาะเครื่องยนต์) จะทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงทันทีที่เรียกว่า Water Hammer ซึ่งอาจทำให้ก้านสูบหัก ลูกสูบเสียหาย หรือเครื่องยนต์พังโดยสิ้นเชิง
- ห้ามเปิดระบบไฟฟ้า/แอร์: หลีกเลี่ยงการเปิดสวิตช์กุญแจ หรือระบบไฟฟ้าใดๆ เพราะอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อกล่องควบคุม (ECU) และระบบสายไฟทั้งหมด
5 ขั้นตอนสำคัญในการกู้ชีพรถจากน้ำท่วม
1. 🔍 ประเมินระดับน้ำและบันทึกความเสียหาย
รีบประเมินว่าระดับน้ำท่วมถึงส่วนใดของรถ และถ่ายภาพ/วิดีโอเพื่อเป็นหลักฐานในการเคลมประกัน
| ระดับน้ำ | ความเสียหายที่ควรระวัง |
| ระดับพื้น/ขอบล้อ | ระบบเบรก, ลูกปืนล้อ, น้ำมันเกียร์/เฟืองท้าย |
| ระดับใต้ท้องรถ/ธรณีประตู | ระบบท่อไอเสีย, ระบบส่งกำลัง (เกียร์/เฟืองท้าย), ระบบช่วงล่าง, พรมและฉนวนกันเสียง |
| ระดับเบาะนั่ง/คอนโซล | ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในห้องโดยสาร, กล่อง ECU, สายไฟหลัก, ภายในห้องโดยสาร |
| ระดับฝากระโปรง/หลังคา | เครื่องยนต์, ระบบไอดี, ระบบไฟฟ้าทั้งหมด, ความเสียหายร้ายแรง |
2.🔌 ถอดขั้วแบตเตอรี่ (เพื่อตัดระบบไฟฟ้า)
นี่คือขั้นตอนแรกที่คุณต้องทำเพื่อป้องกันการลัดวงจร
- ถอดขั้ว ลบ (-) ออกก่อนเสมอ ตามด้วยขั้ว บวก (+) เพื่อตัดการจ่ายไฟทั้งหมดออกจากรถ
- ขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาความเสียหายของกล่องควบคุม (ECU) และระบบไฟฟ้าที่มีราคาแพง
3. 🛠️ ตรวจสอบและถ่ายของเหลวทั้งหมด
ของเหลวในรถยนต์ที่ปนเปื้อนน้ำ จะทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรออย่างรวดเร็ว:
- เครื่องยนต์: ตรวจสอบก้านวัดน้ำมันเครื่อง หากมีสีคล้าย “กาแฟนม” แสดงว่าน้ำเข้าไปผสมแล้ว ต้องรีบดูดหรือถ่ายน้ำมันเครื่องออกทันที และเปลี่ยนไส้กรอง
- เกียร์/เฟืองท้าย: ตรวจสอบและถ่ายน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้ายออกทั้งหมด เพราะน้ำอาจเข้าไปปนเปื้อนได้เช่นกัน
- น้ำมันเบรก/คลัตช์: ตรวจสอบว่ามีความชื้นหรือน้ำปนเปื้อนหรือไม่ หากมี ให้ทำการเปลี่ยนถ่ายใหม่
4. 💨 จัดการภายในห้องโดยสารและระบบปรับอากาศ
ของเหลวในรถยนต์ที่ปนเปื้อนน้ำ จะทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรออย่างรวดเร็ว:
- เครื่องยนต์: ตรวจสอบก้านวัดน้ำมันเครื่อง หากมีสีคล้าย “กาแฟนม” แสดงว่าน้ำเข้าไปผสมแล้ว ต้องรีบดูดหรือถ่ายน้ำมันเครื่องออกทันที และเปลี่ยนไส้กรอง
- เกียร์/เฟืองท้าย: ตรวจสอบและถ่ายน้ำมันเกียร์และน้ำมันเฟืองท้ายออกทั้งหมด เพราะน้ำอาจเข้าไปปนเปื้อนได้เช่นกัน
- น้ำมันเบรก/คลัตช์: ตรวจสอบว่ามีความชื้นหรือน้ำปนเปื้อนหรือไม่ หากมี ให้ทำการเปลี่ยนถ่ายใหม่
4. 💨 จัดการภายในห้องโดยสารและระบบปรับอากาศ
ความชื้นและน้ำภายในรถจะสร้างกลิ่นอับ เชื้อรา และสร้างความเสียหายต่อเบาะ/พรม:
- รื้อและทำความสะอาด: รื้อพรมปูพื้น, ฉนวนกันเสียง, แผ่นรองพื้น, และเบาะนั่ง (ถ้าจำเป็น) ออกมาทำความสะอาดอย่างละเอียด
- ตากให้แห้งสนิท: ต้องมั่นใจว่าทุกชิ้นส่วนถูกตากแดดหรือใช้เครื่องเป่าลมร้อนจนแห้งสนิท 100% ก่อนนำกลับไปติดตั้ง เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นเหม็นอับ
- ระบบแอร์: ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและล้างระบบปรับอากาศ (ตู้แอร์/โบลเวอร์) เพราะโคลนและสิ่งสกปรกมักจะเข้าไปอุดตันในระบบ ทำให้เกิดกลิ่นอับและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค
5. 🧑🔧 ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญ (สำหรับรถที่จมน้ำสูง)
หากรถของคุณจมน้ำสูงถึงระดับเบาะนั่งหรือสูงกว่านั้น ความเสียหายจะร้ายแรงเกินกว่าจะแก้ไขได้ด้วยตนเอง:
- การซ่อมเครื่องยนต์: ช่างจะต้องตรวจสอบการปนเปื้อนน้ำในห้องเผาไหม้ ตรวจสอบระบบไอดี (ท่อร่วมไอดี/กรองอากาศ) และทำความสะอาดเครื่องยนต์อย่างละเอียด
- ระบบไฟฟ้าและ ECU: นี่คือส่วนที่เสียหายร้ายแรงที่สุด ช่างต้องตรวจสอบและซ่อมแซมระบบสายไฟ, กล่องฟิวส์, กล่อง ECU, และเซนเซอร์ต่างๆ ที่อาจลัดวงจร
- ระบบช่วงล่าง/เบรก: ถอดล้อและทำความสะอาดระบบเบรกทั้งหมด (จานเบรก/ผ้าเบรก/เบรกมือ) และตรวจเช็คลูกปืนล้อและบูชต่างๆ เพื่อหล่อลื่นใหม่
🛡️ คำแนะนำเพิ่มเติม การเคลมประกัน
- หากรถของคุณมี ประกันภัยชั้น 1 หรือ ประกันชั้น 2+ ที่คุ้มครองภัยน้ำท่วม ให้รีบติดต่อบริษัทประกันภัยทันที
- แจ้งรายละเอียดและส่งมอบหลักฐานภาพถ่ายความเสียหายอย่างชัดเจน
- บริษัทประกันจะส่งช่างมาประเมินความเสียหายและลากรถไปอู่ซ่อมในเครือโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
การดูแลรถหลังน้ำท่วมต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบและเวลา เพราะหากซ่อมไม่จบอาจเกิดปัญหาจุกจิกตามมาในภายหลัง ดังนั้น ควรเลือกอู่ซ่อมที่เชื่อถือได้และมีความเชี่ยวชาญในการซ่อมรถที่ประสบภัยน้ำท่วมโดยเฉพาะ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th







