จอดรถตากแดด เป็นระยะเวลานานทุกวัน มีผลเสียหรือไม่ และจะป้องกันอย่างไร ?

การจอดรถตากแดดเป็นระยะเวลานานทุกวันอาจมีผลเสียต่อรถของคุณในระยะยาว เนื่องจากแดดและสภาพอากาศที่แปรปรวนอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อบางส่วนของรถได้

อันตรายที่ซ่อนอยู่ในแสงแดด

แสงแดดประกอบด้วยคลื่นความถี่ของรังสีที่แตกต่างกันตามความยาวคลื่น รังสีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์คือ

รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) มี 3 ชนิด

  • รังสียูวี เอ : การได้รับรังสีชนิดนี้เป็นปริมาณมากอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดต้อกระจกรวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง
  • รังสียูวี บี : ทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนัง หากได้รับในปริมาณน้อยจะกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน (melanin) ทำให้สีผิวคล้ำขึ้น ส่วนในปริมาณมากจะทำให้ผิวหนังไหม้ เกิดจุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น และเพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งผิวหนังหลายชนิด
  • รังสียูวี ซี : สามารถถูกกรองโดยชั้นโอโซนในบรรยากาศ แต่เนื่องจากถูกทำลายลงไปมาก จึงมีโอกาสที่จะลงมาถึงพื้นผิวโลก มีพลังงานสูงที่สุดและสามารถก่อให้เกิดอันตรายกับผิวหนังและดวงตาได้มากที่สุด

รังสีอินฟราเรด หรือ รังสีความร้อน จะแสดงออกมาในรูปแบบของความร้อนโดยที่มากกว่าครึ่งของรังสีจากแสงอาทิตย์เป็นรังสีอินฟราเรด

  • สามารถทำลายชั้นผิวหนังได้ลึกในระดับเซลล์
  • ผิวหมองคล้ำริ้วรอยต่างๆ
  • มะเร็งผิวหนัง

ผลเสียของการจอดรถตากแดด

          ขณะที่จอดรถอยู่ภายใต้แสงแดดบริเวณรอบนอกของรถร้อนกว่าภายในห้องโดยสาร การแผ่รังสีความร้อนจากบริเวณโดยรอบเข้าสู่รถจะดำเนินต่อไป จนอุณหภูมิภายในรถเท่ากับอุณหภูมิที่อยู่ใกล้เคียงไม่มีโอกาสที่ความร้อนจะหลบหนีออกจากรถ

          ยิ่งรถสะสมความร้อนมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเกิดผลเสียมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งระยะเวลาก็มีส่วนในการสร้างความเสียหายนี้ ผลเสียที่เกิดขึ้นจากการจอดรถตากแดดคือ

1.การเสื่อมสภาพของยาง แดดมีความร้อนที่สามารถทำให้ยางรถแตกหรือเสื่อมสภาพได้ การจอดรถตากแดดในระยะเวลานานอาจทำให้ยางหลอดระบายอากาศ, ยางล้อ, ขอบกระจกยางปัดน้ำฝน และยางปีกถูกทำลาย

2.ความร้อนสูงที่สะสมอยู่ในภายในรถ การจอดรถในที่ที่แดดโดยตรงอาจทำให้ภายในรถอาจร้อนขึ้น การเปิดแอร์แล้วเร่งให้แรงสุดหลังจากสตาร์ทรถ เป็นผลให้แอร์ทำงานหนักจะส่งผลไปถึงการรั่วไหลของข้อต่อต่างๆของระบบท่อแอร์อีกด้วยและอาจจะส่งผลให้สิ่งของภายในรถ, เช่น เซลล์แบตเตอรี่, มีความผิดปกติหรือลดอายุการใช้งาน

4.สีของตัวรถจะซีดเร็ว แดดมีความร้อนและรังสี UV ที่สามารถทำให้สีรถฉีดเสียหาย ทำให้สีผลิตจากการตกตัว, สลาย, หรือมีลักษณะผุพัง เห็นได้ชัดโดยเฉพาะรถสีขาว สังเกตได้ว่าสีจะออกเหลืองๆ ถ้าเป็นรถสีเข้ม สีจะจางลง

5.ฟิล์มกรองแสง เสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานจริงสังเกตได้ง่ายๆ คือสีของฟิล์มจะออกสีม่วงๆ

6.ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร เช่นคอนโซล พวงมาลัย จะเสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม เบาะรถถ้าเป็นแบบหนังจะแห้งกรอบ ถ้าเป็นเบาะผ้าสีก็จะซีด

7.สภาพอากาศที่ร้อนกลายเป็นตัวบั่นทอนการทำงานของสารเหลวหล่อลื่นหรือน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ เมื่อหมดสภาพไม่สามารถหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้อีกอาจถึงกับทำให้เครื่องพังได้

8.อุณหภูมิที่ร้อนจัดอาจทำให้ยางรถยนต์เสียหายได้ ความร้อนสร้างความตึงเครียดยางมากกว่าปกติ โดยเฉพาะยางเก่าต้องระวังเรื่องของยางระเบิด เนื่องจากสภาพยางที่ไม่ค่อยดี และเมื่อขับรถเป็นระยะเวลานานๆติดต่อกันในพื้นที่อุณหภูมิสูงด้วยแล้ว ยิ่งต้องระวังให้ดี

9.การระเหยของสารที่เป็นของเหลวภายในรถ เนื่องจากโดนความร้อน อาจจะส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจได้

10.เมื่อสภาพอากาศร้อนจัดบวกกับการระบายความร้อนของรถยนต์ไม่ดีพอ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติจนเกิดอาการบวมจนสังเกตได้ ส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติด มักพบบ่อยในแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่นมากกว่าแบบแห้ง

วิธีปกป้องรถยนต์จากแสงแดด

หากมีความจำเป็นต้องจอดรถไว้กลางแดด จะมีวิธีใดบ้างที่สามารถปกป้องรถได้

  • ม่านบังแดดรถยนต์ โดยจะติดที่กระจกทุกบานไม่ว่าจะเป็นกระจกหน้า กระจกข้าง กระจกหลัง เลือกม่านบังแดดที่เข้ารูป สามารถติดหน้าได้เต็มบาน เพื่อกันให้แสงเล็ดลอดเข้ามาได้น้อยที่สุด ที่สำคัญควรเลือกม่านที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถ
  • ติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์การติดฟิล์มกรองแสงถือว่าช่วยลดความร้อน และแสง UV ได้ดีเลยทีเดียวเพราะเมื่อเราจอดรถไว้ความร้อนจากแสงแดดที่เข้ามาภายในรถยนต์ก็จะลดลงทำให้รถเราไม่ร้อนจนเกินไป และเมื่อติดเครื่องก็ทำให้แอร์เย็นเร็วขึ้นอีกด้วยแต่ต้องเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพ
  • จอดรถในที่ที่มีร่มเงา หากเป็นไปได้, จอดรถในที่ที่มีร่มเงาเช่น ที่จอดรถใต้ต้นไม้, ที่จอดรถในที่จอดที่มีลานร่มหรือที่จอดรถในที่ที่มีตึกบังแดด
  • ใช้ผ้าคลุมรถยนต์ วิธีนี้อาจจะเสียเวลานิดหน่อย แต่ก็เป็นการดูแลรถจากแสงแดดได้ดีวิธีหนึ่งเมื่อต้องจอดรถยนต์ตากแดดเป็นเวลานานควรหาผ้าคลุมรถยนต์มาคลุมรถให้มิดชิดด้วย จะช่วยป้องกันความร้อน และรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งยังสามารถป้องกันมูลนก หรือยางไม้ ที่อาจกระเด็นมาถูกรถได้ด้วย
  • ใช้พื้นที่จอดรถที่ไม่ต้องจอดตรงกลางแดด ควรเลือกจอดรถในที่ที่ไม่ต้องจอดตรงกลางแดดโดยตรงเมื่อเป็นไปได้

บทความล่าสุด

ข่าวล่าสุด