การขับขี่ช่วงฤดูฝน:เทคนิคเพื่อความปลอดภัยจากไอดีไดร์ฟเวอร์

ฤดูฝนในประเทศไทยมักนำมาซึ่งความท้าทายในการขับขี่
ด้วยสภาพถนนที่เปียกลื่น ทัศนวิสัย ที่จำกัด
และโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุที่เพิ่มสูงขึ้น
การเตรียมความพร้อมและเทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่
ผู้ขับขี่ทุกคนไม่ควรมองข้าม
ในฐานะสถาบันฝึกอบรมนักขับรถมืออาชีพชั้นนำ
ไอดีไดร์ฟเวอร์ (ID Driver)
จึงขอนำเสนอองค์ความรู้และคำแนะนำเชิงปฏิบัติ
เพื่อให้ทุกการเดินทาง ของคุณปลอดภัยและราบรื่นแม้ในยามฝนพรำ
เตรียมความพร้อมของรถยนต์: สิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
ก่อนออกเดินทางในฤดูฝน
การตรวจสอบสภาพรถยนต์ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญอย่างยิ่ง:
 ยางรถยนต์:
ดอกยาง: ตรวจสอบความลึกของดอกยางอย่างสม่ำเสมอ
ดอกยางที่สึกหรอจะลดประสิทธิภาพในการรีดน้ำ
ทำให้รถมีโอกาสเหินน้ำ (Aquaplaning) ได้ง่าย
ควรเปลี่ยนยางเมื่อดอกยางมีความลึกน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร
แรงดันลมยาง:
การรักษาระดับแรงดันลมยางให้เหมาะสมตามที่คู่มือรถกำหนดเป็นสิ่
งจำเป็นอย่างยิ่ง
ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางสัมผัสถนนไม่เต็มที่
เพิ่มความเสี่ยงต่อการเหินน้ำและการควบคุมรถ ที่ยากลำบาก
ในขณะที่ลมยางที่แข็งเกินไปจะทำให้การยึดเกาะถนนลดลง
โดยเฉพาะบนพื้นผิวที่เปียกชื้น

เทคนิคจาก ID Driver
แนะนำให้ตรวจสอบลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการเดินทางไกล
และพิจารณาเลือกใช้ยางที่มีสมรรถนะดีเยี่ยมในการยึดเกาะบนพื้นผิวเปี
ยก
 ระบบไฟส่องสว่าง: ตรวจสอบไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว
และไฟตัดหมอก (ถ้ามี) ให้ทำงานปกติและสะอาดอยู่เสมอ
เพื่อให้ทัศนวิสัยดีขึ้นและทำให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณได้ชัดเจนขึ้

 ที่ปัดน้ำฝน: ตรวจสอบสภาพยางปัดน้ำฝน หากยางแข็งกระด้าง
แตก หรือปัดน้ำได้ไม่สะอาด ควรเปลี่ยนทันที
เพราะที่ปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้นอ
ย่างมาก
 ระบบเบรก:
ตรวจสอบผ้าเบรกและจานเบรกให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์
หากมีเสียงผิดปกติขณะเบรก หรือรู้สึกว่าแป็นเบรกหยุ่น
ควรนำรถเข้าตรวจสอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ

เทคนิคการขับขี่ในฤดูฝน: ลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัย
เมื่อรถพร้อมแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ให้เหมาะสมกับ
สภาพถนนที่เปียกลื่นก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่ควรตระหนัก คือ

  1. ลดความเร็วและเพิ่มระยะห่าง: บนถนนเปียก
    รถจะใช้ระยะทางในการหยุดรถยาวขึ้นถึง 2-3 เท่าจากสภาพถนนแห้ง
    การลดความเร็วและเพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติจึงเป็
    นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
    เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการเบรกหรือแก้ไขสถานการณ์
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ Cruise Control: ระบบ Cruise Control
    (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ)
    แม้จะอำนวยความสะดวกในการขับขี่ทางไกล
    แต่ในสภาพถนนที่เปียกลื่นไม่ควรใช้
    เพราะระบบอาจไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิว

3
ถนนที่ลื่นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณสูญเสียการควบคุมรถได้ง่าย
ควรใช้เท้าควบคุมคันเร่งและเบรกด้วยตนเอง
เพื่อให้สามารถปรับความเร็วและตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทั
นท่วงที

  1. การเบรกอย่างนุ่มนวล: หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหันหรือรุนแรง
    เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวหรือล้อล็อคได้
    ควรใช้การเบรกแบบค่อยๆ แตะเบรกอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอ
    หากรถมีระบบเบรก ABS ให้เหยียบเบรกไปได้เลยจนกว่ารถจะหยุด
  2. ระมัดระวังแอ่งน้ำและน้ำขัง:
    หลีกเลี่ยงการขับรถลุยแอ่งน้ำขังขนาดใหญ่
    เพราะนอกจากจะทำให้มองไม่เห็นพื้นผิวถนนด้านล่างแล้ว
    ยังอาจทำให้เกิดอาการเหินน้ำ (Aquaplaning)
    ซึ่งรถจะลอยตัวบนผิวน้ำและไม่สามารถควบคุมได้ หากจำเป็นต้องลุย
    ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ และไม่เร่งเครื่อง
  3. เปิดไฟหน้าเสมอ: การเปิดไฟหน้า
    แม้จะเป็นเวลากลางวันที่มีฝนตกปรอยๆ
    ก็จะช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณได้ชัดเจนขึ้น
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ทัศนวิสัยไม่ดี
  4. ระมัดระวังทางโค้ง: ลดความเร็วลงอย่างมากก่อนเข้าโค้ง
    และไม่ควรเบรกหรือเร่งเครื่องอย่างกะทันหันขณะอยู่ในโค้ง
    เพื่อป้องกันการเสียการทรงตัว
    การขับขี่ในฤดูฝนต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
    การเตรียมความพร้อมทั้งคนและรถ รวมถึงการนำเทคนิคมาปรับใช้
    จะช่วยให้การเดินทางของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด
    มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สังคมการขับขี่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สำหรับทุกการเดินทางในทุกสภาพอากาศ

สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th

บทความล่าสุด

ข่าวล่าสุด