กลิ่นเหม็นไหม้ เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่ผู้ใช้รถหลายคนอาจเคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นหลังจากขับรถทางไกล หรือเพิ่งผ่านการซ่อมบำรุง แต่รู้หรือไม่ว่า กลิ่นเหม็นไหม้ในรถยนต์ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงอันตรายที่อาจทำให้เครื่องยนต์พังได้เลยทีเดียว บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของกลิ่นไหม้ วิธีแก้ไข และแนวทางป้องกัน เพื่อให้คุณใช้รถได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น
สาเหตุหลักของกลิ่นเหม็นไหม้ในรถยนต์
- ผ้าเบรกไหม้หรือเบรกติด
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของ กลิ่นเหม็นไหม้ คือการที่เบรกมีการเสียดสีมากเกินไป เช่น ขับลงเขาโดยไม่ใช้เกียร์ต่ำ หรือเบรกค้างอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความร้อนสะสมจนผ้าเบรกไหม้ ซึ่งจะมีกลิ่นเหม็นไหม้คล้ายยางหรือโลหะเผา - น้ำมันเครื่องหรือของเหลวรั่ว
ถ้ามีกลิ่นเหม็นไหม้คล้ายพลาสติกหรือยางหลอม อาจเกิดจากน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ หรือของเหลวอื่น ๆ รั่วไหลไปโดนเครื่องยนต์ที่ร้อนจนเกิดการไหม้ สาเหตุนี้ควรรีบตรวจสอบโดยช่างทันที เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ - คลัตช์ไหม้ (ในรถเกียร์ธรรมดา)
หากได้กลิ่นเหม็นไหม้เฉพาะเวลาขับรถขึ้นทางชัน หรือออกตัวแรง ๆ บ่อย ๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคลัตช์ไหม้จากการเสียดสีมากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการเหยียบคลัตช์ค้าง และปรับการขับขี่ให้เหมาะสม - สายไฟไหม้หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าลัดวงจร
กลิ่นไหม้คล้ายพลาสติกหรือกลิ่นไฟฟ้าอาจมาจากการลัดวงจรในระบบไฟฟ้าภายในรถ เช่น สายไฟเปลือย ฟิวส์ละลาย หรือการติดตั้งอุปกรณ์เสริมผิดวิธี หากพบกลิ่นนี้ ควรดับเครื่องยนต์ทันทีและให้ช่างตรวจสอบ - เศษขยะหรือพลาสติกติดใต้ท้องรถ
บางครั้ง กลิ่นเหม็นไหม้ อาจไม่ได้มาจากระบบเครื่องยนต์ แต่เกิดจากพลาสติกหรือเศษถุงที่ติดอยู่ใต้ท้องรถ เมื่อเจอความร้อนจากท่อไอเสียก็จะเกิดกลิ่นไหม้ได้เช่นกัน
กลิ่นเหม็นไหม้แบบไหนที่ควรรีบเข้าศูนย์
•กลิ่นไหม้แรงมากแม้ดับเครื่องแล้วก็ยังอยู่
• มีกลิ่นไหม้พร้อมควันออกจากฝากระโปรง
• รถมีเสียงผิดปกติ เช่น เสียงหอน เสียงเบรกดัง
• พบคราบน้ำมันหรือน้ำหยดใต้รถ
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบเข้าศูนย์บริการหรืออู่ที่ไว้ใจได้ทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจร้ายแรงต่อเครื่องยนต์หรือระบบไฟฟ้าในรถ
วิธีป้องกันกลิ่นเหม็นไหม้ในรถยนต์
- ตรวจเช็กของเหลวอย่างสม่ำเสมอ
ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และน้ำมันเกียร์ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึม - หลีกเลี่ยงการเหยียบเบรกค้าง
โดยเฉพาะเวลาลงเขาหรือทางลาดชัน ควรใช้เกียร์ต่ำช่วยเบรกแทน - อย่าบรรทุกของเกินน้ำหนักที่กำหนด
เพราะจะทำให้ระบบเบรกและเครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น - ตรวจระบบไฟฟ้าและสายไฟในรถเป็นประจำ
เพื่อป้องกันการลัดวงจรที่อาจทำให้เกิดกลิ่นไหม้ - ทำความสะอาดใต้ท้องรถและห้องเครื่อง
เพื่อป้องกันเศษขยะหรือพลาสติกติดจนเกิดกลิ่นไหม้
สรุป
กลิ่นเหม็นไหม้ ในรถยนต์ไม่ใช่เรื่องเล็กที่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาที่ร้ายแรง หากพบกลิ่นไหม้ไม่ทราบสาเหตุ ควรหยุดใช้รถและให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโดยเร็ว การดูแลรถอย่างสม่ำเสมอและขับขี่อย่างถูกวิธี จะช่วยลดปัญหา กลิ่นเหม็นไหม้ และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้อย่างยาวนาน
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th







